วันพุธที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2557

กลับไปเล่น Pangya กันเถอะ

เพียงเพื่อนๆ กลับเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในครอบครัว วันนี้!!
รับทันที ฟรีๆ 50,000 คุกกี้ แทนการต้อนรับและความคิดถึง ถ้ายังรักกัน กลับมานะค่ะ :)
*หมายเหตุ สามารถเข้าไปกดรับไอเทมได้ตั้งแต่วันนี้ - 30 กันยายน 2557 เท่านั้นนะคะ

ถ้าหากเข้าไม่ได้กรุณา Copy ลิ๊งค์นี้ไปใส่ใน Browser ของท่านค่ะ


การเพิ่มภาษาใน windows 8


  1. เลื่อนพอยเตอร์เมาส์ไปที่มุมซ้ายล่างของหน้าจอ จากนั้นเลือก Control Panel (แผงควบคุม) จากเมนู
    รูปภาพ 1: แผงควบคุม
    ภาพเมนูพร้อมตัวเลือกในแผงควบคุม
  2. จาก Clock, Language และ Region (นาฬิกา ภาษา และภูมิภาค) จากนั้นคลิก Add a language (เพิ่มภาษา)
    รูปภาพ 2: Clock, Language และ Region (นาฬิกา ภาษาและภูมิภาค)
    ภาพ Clock, Language และ Region (นาฬิกา ภาษาและภูมิภาค) ที่เลือก Add a Language (เพิ่มภาษา) ไว้
  3. จากหน้าต่าง Language (ภาษา) คลิกที่ปุ่ม Add a language (เพิ่มภาษา)
    รูปภาพ 3: หน้าต่าง Language (ภาษา)
    ภาพปุ่ม Add a language (เพิ่มภาษา) ในหน้าต่าง Language (ภาษา)
  4. จากหน้าต่าง Add languages (เพิ่มภาษา) ไล่รายการเพื่อสืบค้นภาษาที่คุณต้องการ
  5. เลือกภาษา: หากภาษาไม่มีภาษาถิ่น คลิก Add (เพิ่ม)
    รูปภาพ 4: ภาษาที่ไม่มีภาษาถิ่น
    ภาพหน้าต่าง Add languages (เพิ่มภาษา) โดยภาษาไม่มีภาษาถิ่นเลือกไว้ และปุ่ม Add (เพิ่ม) ถูกแรเงาไว้
  6. หากภาษามีภาษาถิ่นหลายภาษา คลิก Open (เปิด) จากนั้นเลือกภาษาถิ่นที่คุณต้องการ แล้วคลิก Add (เพิ่ม)
    รูปภาพ 5: ภาษาที่ไม่มีภาษาถิ่น
    ภาพหน้าต่าง Regional variants (ภาษาถิ่น) ที่เลือกภาษาถิ่นไว้และปุ่ม Add (เพิ่ม) ถูกแรเงาไว้
    หน้าต่าง Language (ภาษาถิ่น) จะเปิดขึ้นใหม่พร้อมกับภาษาใหม่ในรายการ
  7. คลิก Options (ตัวเลือก) ติดกับภาษาที่คุณจะเพิ่ม
    รูปภาพ 6: ตัวเลือกสำหรับการเพิ่มภาษา
    ภาพหน้าต่าง Language (ภาษา) ที่เลือก Options (ตัวเลือก) ไว้
    หน้าต่าง Language options (ตัวเลือกภาษาจะเปิดขึ้นพร้อมกับชุดภาษาใน Windows display language (ภาษาแสดงผลสำหรับ Windows)
  8. หากชุดมีชุดภาษา ให้คลิกที่ Download and install language pack (ดาวน์โหลดและติดตั้งชุดภาษา)
    รูปภาพ 7: มีชุดภาษาสำหรับดาวน์โหลด
    ภาพตัวเลือก Language (ภาษา) ระบุชุดภาษาที่สามารถดาวน์โหลดได้
  9. เมื่อได้รับแจ้ง ให้ลงชื่อเข้าใช้เป็นผู้ดูแลระบบ
  10. เมื่อได้รับแจ้ง ให้คลิก Yes (ใช่) เพื่อให้ Microsoft Windows Language Pack Installer ทำการเปลี่ยนแปลงกับคอมพิวเตอร์
    ชุดภาษาจะเริ่มทำการติดตั้ง ซึ่งอาจใช้เวลาหลายนาที
    รูปภาพ 8: การติดตั้งชุดภาษา
    ภาพการดาวน์โหลดชุดภาษา
    ภาษาใหม่ดังกล่าวจะถูกแชร์ใช้กับทุกคนที่แชร์ใช้คอมพิวเตอร์เครื่องดังกล่าว

วันจันทร์ที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ใช้งาน Flash Drive ใน Windows XP

บทความอธิบายการใช้งานแฟลชไดรว์ หรือ Thumbs Drive ใน Windows XP เช่น ดูข้อมูล ก็อปปี้ไฟล์ ลบไฟล์ เป็นต้น
เสียบแฟลชไดรว์กับพอร์ต USB
1. ก่อนอื่นให้ดูที่หน้าจอโปรแกรม Windows Explorer ก่อน ตอนนี้จะเห็นว่ามีไดรว์ต่างๆ ตาม ลำดังดังนี้ ไดรว์ C:, D:, F:, G:, H: และ N:
2. เสียบตัวแฟลชไดรว์กับพอร์ต USB อาจเสียบที่ด้านหน้าเครื่องหรือด้านหลังก็ได้
3. จะปรากฏกรอบข้อความดังตัวอย่าง แฟลชไดรว์ที่เสียบเข้าไปจะเป็นไดรว์ใหม่ คือไดรว์ I:
4. คลิกเลือก Open folder to view files เพื่อเปิดดูข้อมูลในแแฟลชไดรว์
5. คลิกปุ่ม OK
6. ข้อมูลในแฟลชไดรว์จะถูกแสดงออกมาในหน้าจอใหม่ ให้คลิกปุ่ม Close ปิดหน้าจอไปก่อน
7. กลับไปที่หน้าจอ Windows Explorer จะพบว่า มีไดรว์ใหม่เพิ่มเข้ามาก็คือ ไดรว์ I: เป็นไดรว์ ของแฟลชไดรว์

ดูพื้นที่ว่างในแฟลชไดรว์
1. เสียบแฟลชไดรว์กับพอร์ต USB
2. ในหน้าจอ Windows Explorer จะแสดงไดรว์ของแฟลชไดรว์ ถ้าถอดออก ไดรว์ก็จะหายไป
3. คลิกที่ไดรว์ของแฟลชไดรว์ เพื่อเลือก่อน
4. คลิก File>>Properties
5. ดูพื้นที่ว่างในส่วน Free Space จากตัวอย่างมีพื้นที่ว่างประมาณ 107 MB
6. คลิกปุ่ม Cancel ปิดกรอบข้อความ
ก็อปปี้ข้อมูลลงใน Flash Drive 
1. เลือกข้อมูลที่ต้องการก่อน
2. ดูขนาดของข้อมูลในแถบสถานะด้านล่างก่อนว่ามีกี่ไบต์ ถ้ามากเกินกว่าพื้นที่ว่างในแฟลชไดรว์ ต้องยกเลิกการเลือกบางไฟล์ จากตัวอย่างมีแค่ 10.2 MB เท่านั้น ในแฟลชไดรว์มีที่ว่าง 107 MB
3. การก็อปปี้ให้คลิกคำสั่ง Edit>>Copy
4. คลิกที่แฟลชไดรว์ จากตัวอย่างเป็นไดรว์ I:
5. คลิกคำสั่ง Edit>>Paste เพื่อก็อปปี้ข้อมูลลงไป
6. ถ้ามีข้อมูลจำนวนมาก อาจสร้างโฟลเดอร์แยกเก็บให้เป็นระเบียบ
การหยุดใช้งาน Flash Drive
ไม่แนะนำให้ถอดแฟลชไดรว์ ออกจากพอร์ต USB ทันทีทันใด จะเกิดความเสียหายกับข้อมูลได้
1. ชี้ไอคอน ใน System Tray แล้วคลิกปุ่มขวาของเมาส์
2. คลิกคำสั่ง Safety Remove Hardware
3. คลิกเลือกชื่อของอุปกรณ์แล้วคลิกปุ่ม Stop
4. คลิกเลือกไดรว์ ที่เป็นของแฟลชไดรว์
5. คลิกปุ่ม OK
6. รายชื่อไดรว์จะหายไป พร้อมปรากฏข้อความให้ถอดแฟลชไดรว์ได้เลย


ที่มา : http://www.siamebook.com/

ข้อแตกต่างระหว่าง windows xp mode (xpm) ใน windows 7 กับ med-v

ข้อแตกต่างระหว่าง Windows XP Mode (XPM) ใน Windows 7 กับ MED-V
บทความโดย: Thai Windows Administrator Blog

วัตถุประสงค์ในการพัฒนาทั้ง Windows XP Mode (XPM) และ MED-V ของไมโครซอฟท์
ก็เพื่อแก้ไขปัญหาความไม่เข้ากันของโปรแกรมกับระบบปฏิบัติการตัวใหม่ หรือที่ศัพท์เทคนิค
เรียกว่าการไม่คอมแพตติเบิล (Incompatible) อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 อย่างนี้ มีข้อแตกต่างกัน
หลายอย่าง ดังนั้นเพื่อความเข้าใจที่ถูกต้อง ผมจึงรวบรวมข้อมูลนำเสนอในบทความนี้ครับ
Windows XP Mode
Windows XP Mode นั้นถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดเล็ก เพื่อช่วยให้สามารถทำการรันแอพพลิเคชันรุ่นเก่าที่ทำงานได้เฉพาะบน Windows XP บนสภาพแวดล้ิอมเดสก์ท็อปของ Windows 7 ได้ โดยมีคุณลักษณะดังนี้

• Windows XP Mode มีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ Windows 7 เวอร์ชัน Professional, Ultimate และ Enterprise เท่านั้น โดยผู้ใช้ไม่ต้องเสียค่าไลเซนส์หรือค่าซอฟท์แวร์เพิ่มเติมแต่อย่างใด

• Windows XP Mode เป็นการทำงานร่วมกันระหว่าง Windows Virtual PC และ เวอร์ชวลแมชชีนของ Windows XP ที่ไมโครซอฟท์คอนฟิกไว้ล่วงหน้า สำหรับการรับแอพพลิเคชันรุ่นเก่า

• Windows Virtual PC ช่วยให้ผู้ใช้เรียกใช้งานแอปพลิเคชันเก่าจาก Start menu ของ Windows 7 ในลักษณะเดียวกันกับการเปิดใช้โปรแกรมอื่นๆ ทำให้ผู้ใช้ไม่รู้สึกถึงความแตกต่างในการใช้งานระหว่างแอปพลิเคชันเก่าที่รันอยู่บน Windows XP Mode กับแอพพลิเคชันที่รันบน Windows 7

• Windows Virtual PC สามารถรองรับอุปกรณ์ USB และการทำงานแบบ Multi-threading

Microsoft Enterprise Desktop Virtualization (MED-V)
MED-V นั้นถูกออกแบบมาสำหรับการใช้งานในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่ โดยมีคุณลักษณะดังนี้

• MED-V ใช้ในการปรับใช้ Virtual PC ในองค์กรธุรกิจขนาดใหญ่

• MED-V รองรับการจัดการแบบ centralized management, policy-based provisioning และ virtual image delivery เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการปรับใช้ Virtual PC

• MED-V v1 สร้างขึ้นบนพื้นฐาน Microsoft Virtual PC 2007 เพื่อช่วยองค์กรในการอัพเกรดระบบวินโดวส์เป็น Windows Vista เมื่อประสบกับปัญหาแอพพลอเคชันไม่คอมแพตติเบิล

• MED-V v2 จะเพิ่มการสนับสนุนสำหรับ Windows 7 (ทั้ง 32 bit และ 64bit) และ Windows Virtual PC

• MED-V v2 beta จะมีให้ใช้งานได้ภายใน 90 วัน ของ Windows 7 GA (General Availability)

• MED-V ทำงานได้ทั้งบน Windows 7 และ Windows Vista

• MED-V เป็นองค์ประกอบหนึ่งของชุดโปรแกรม Microsoft Desktop Optimization Pack (MDOP) และมีให้ใช้งานเฉพาะผู้ที่ใช้ที่เป็นลูกค้าแบบ Software Assurance เท่านั้น

บริการดูแลคอมพิวเตอร์ อที ดุแลระบบเครือข่าย  วางระบบ network บริการดูแลระบบคอมพิวเตอร์  IT SUPPORT บริการดูแล IT โรงพิมพ์ งานพิมพ์ โรงพิมพ์สมุทรปราการ 

ที่มา : http://www.sitech.co.th/

ทำให้ Windows XP ใช้ภาษาไทยได้ และสลับภาษาด้วย Grave Accent [~]







ทำให้ Windows XP ใช้ภาษาไทยได้ 

และสลับภาษาด้วย Grave Accent [~]


วันนี้ผมได้เอาวิธีในการปรับแต่งให้ Windows XP นั้นใช้ภาษาไทยได้สมบูรณ์และยังสามารถทำการปรับคีย์
ภาษาโดยคีย์ ~ อีกด้วย … เรามาดูกันว่าทำกันอยางไรครับ …… ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากครับ เพราะว่าสอนแบบ
 Step by Step เลยครับ
1. ไปที่ Start ตามด้วย Control Panel แล้วไปที่ Regional and Language Options ครับ
2. ที่ Tab คำสั่ง Languages นั้นไปที่ Supplemental language support ให้เลือก Install files for 
complex cript and right to left languages(including Thai) เพื่อติดตั้งภาษาไทย และที่ Install files 
for East Asian Languages ด้วยครับ แล้วกด Apply ก่อนนะครับ
3. ที่ Tab คำสั่ง Regional Options ตั้งค่าที่ Standards and formats เป็น Thai และ Location
ให้เป็น Thailand ให้เหมือนรูปด้านล่างครับ
4.ไปที่ Tab คำสั่ง Advanced แล้วไปที่ Language for non-Unicode programs ให้เลือก Thai
แล้ว กด Apply ซึ่งขั้นนี้อาจจะต้องใช้แผ่นติดตั้ง Windows Xp และ Restart เครื่องครับ

5.หลังจาก Restart ก็มาสู่การปรับการเปลี่ยนภาษาแบบ Accent Engrave (หรือ คีย์ ~)
6.กลับมาที่ Regional and Language Options ตามเดิมครับ (เหมือนในข้อที่ 1) แล้วเลือกไปที่ Tab
คำสั่ง Details ครับ
7.จะมีหน้า Text Services and Input Languages ขึ้นมาแล้วจากนั้น กดที่ Key Settings…

8.จะมีหน้า Advanced Key Settings ขึ้นมาแล้วจากนั้น กดที่ Change Key Sequence…
9.เลือก Grave Accent [~] แล้วก็กด OK ออกมาครับ

10. เพื่อทำให้มันสมบูรณ์ก็ Restart อีกรอบครับ คราวนี้ท่านจะได้ใช้ภาษาไทยอย่างมีความสุขแล้วครับ
ที่มา : https://www.thaicyberpoint.com/ford/blog/id/160/

บริการดูแลคอมพิวเตอร์ อที ดุแลระบบเครือข่าย  วางระบบ network บริการดูแลระบบคอมพิวเตอร์  IT SUPPORT บริการดูแล IT โรงพิมพ์ งานพิมพ์ โรงพิมพ์สมุทรปราการ 

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

แอพ MEA Smart Life ช่วยการจ่ายค่าไฟ และทุกเรื่องไฟฟ้า ง่ายขึ้น

ทุกวันนี้ ปฏิเสธไม่ได้ว่า ไฟฟ้าเป็นสิ่งสำคัญในชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะทำอะไร ก็แทบจะขาดไฟฟ้าไม่ได้แล้วนะคะ แต่สิ่งที่ตามมาก็คือ ความรับผิดชอบที่จะต้องไปจ่ายค่าไฟฟ้าตามกำหนด ซึ่งการไปจ่ายค่าไฟแต่ละครั้ง เราก็ต้องเตรียมบิลค่าไฟเพื่อไปจ่ายค่าไฟด้วย แต่! บางครั้งก็อาจจะลืมนำบิลค่าไฟฟ้าไปด้วย หรือแย่ไปกว่านั้นคือทำบิลค่าไฟหาย! หรือเวลาจะเดินทางไปจ่ายค่าไฟฟ้า ก็ไม่ทราบว่าจะไปจ่ายได้ที่ไหนบ้าง หรืออาจเกิดหลงทางระหว่างจะไปจ่ายค่าไฟฟ้า ซึ่งก็จะยิ่งเสียเวลากันเข้าไปใหญ่ค่ะ….แต่ในยุค mobile อย่างทุกวันนี้ ปัญหาเหล่านี้แก้ไขได้ ด้วยแอพ MEA  Smart Life จากการไฟฟ้านครหลวงค่ะ
mea-smart-life-01แอปพลิเคชัน MEA Smart Life จากการไฟฟ้านครหลวง จะช่วยให้เราสามารถตรวจสอบค่าไฟฟ้าแต่ละเดือนได้ง่ายๆ จากสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ตระบบปฏิบัติการ iOS และ Android  ที่อยู่ในมือ จึงทำให้การชำระค่าไฟฟ้าเป็นเรื่องง่าย และยังได้ทราบข้อมูลทุกอย่างที่สำคัญเกี่ยวกับเรื่องไฟฟ้าด้วยค่ะ แอปนี้ใช้งานง่าย และมีฟีเจอร์ที่มีประโยชน์ต่อชีวิตของเราหลายฟีเจอร์ด้วยกันนะคะ ลองมาดูวิธีใช้งานกันค่ะ
app-mea-smart-life-02ตัวอย่างแหล่งดาวน์โหลดแอพ MEA Smart Life บน play store และบนแอพ GAC
ขั้นแรก เริ่มต้นด้วยการโหลดแอพ MEA Smart Life มาติดตั้งบน smartphone หรือ Tablet ของคุณซะก่อน โดยสามารถโหลดแอพได้ผ่านทั้งทาง App Store สำหรับ iOS  , Play Store สำหรับ Android  และอีกหนึ่งช่องทางใหม่  ศูนย์รวมแอปพลิเคชันภาครัฐ Government Application Center : GAC ค่ะ
app-mea-smart-life-03เมื่อดาวน์โหลดแอพ MEA Smart Life แล้ว ก็ลองเปิดแอพขึ้นมา ก็จะพบกับ 6 เมนูหลักที่เข้าใจง่ายๆด้วยรูปภาพและคำอธิบายที่ชัดเจน ได้แก่
  1. “ค่าไฟฟ้า” เมนูนี้สำหรับการตรวจสอบค่าไฟฟ้าแบบ real-time พร้อมสร้าง QR code ไว้ใช้ชำระค่าไฟฟ้าตามจุดต่างๆเช่น ธนาคาร ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ
  2. “สถานที่ชำระ” เมนูนี้ สำหรับการหาสถานที่รับชำระค่าไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลวง
  3. “แผนที่ ” เมนูนี้สำหรับการแสดงแผนที่จุดชำระเงินที่ใกล้ที่สุด
  4. “ภาพเสมือนจริง” คุณสามารถใช้มือถือส่องค้นหาสถานที่ จุดชำระไฟฟ้าแบบเสมือนจริงได้ ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR)
  5. “ประกาศดับไฟ” ในบางครั้ง กฟน. มีความจำเป็นต้องดับไฟในบางพื้นที่ เพื่อปรับปรุงระบบจำหน่ายไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการและเพิ่มประสิทธิภาพในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้า เมนูนี้ ก็จะช่วยให้ทราบพื้นที่ที่มีการประกาศดับไฟหรือไม่สามารถใช้ไฟฟ้าได้ล่วงหน้า
  6. “แจ้งด้วยภาพ” หากพบเสาไฟฟ้าล้ม ไฟดับ ก็สามารถร่วมเป็นพลเมืองดี ถ่ายรูปแล้วแจ้งไปที่การไฟฟ้านครหลวงผ่านแอปพลิเคชั่น MEA Smart Life ได้ทันทีค่ะ

เช็คค่าไฟฟ้า

app-mea-smart-life-04หากต้องการเช็คค่าไฟฟ้า ก็สามารถทำผ่านแอปนี้ได้ง่ายๆ โดยแตะที่ “ค่าไฟฟ้า” หากใช้ครั้งแรกก็ลงทะเบียนด้วยเบอร์โทรศัพท์มือถือ และเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ที่ตรงกับบิลผู้ชำระค่าไฟฟ้า หากตรง แอปจะแสดงการสรุปค่าไฟฟ้ามาให้บนหน้าจอค่ะ คราวนี้หากคุณจะชำระค่าไฟฟ้าที่ จุดชำระเงิน ก็สามารถแตะ QR CODE หรือ BARCODE เพื่อให้พนักงานสแกนบาร์โค้ดชำระค่าไฟได้เลยค่ะ  และข้อดีอีกอย่างของการตรวจสอบค่าไฟฟ้าด้วยวิธีนี้ คือสามารถเช็คค่าไฟฟ้าได้แบบ real time ไม่ต้องรอถึงรอบบิลในเดือนถัดไปได้… คราวนี้ถ้าบิลค่าไฟฟ้าหาย ก็หยิบสมาร์โฟนเปิดแอพนี้ไว้ใช้ชำระค่าไฟฟ้าได้เล้ย

หาสถานที่ชำระค่าไฟ

app-mea-smart-life-05คราวนี้ก็มาถึงการหาสถานที่ที่จะไปจ่ายค่าไฟค่ะ คุณสามารถเลือกเมนู “สถานที่ชำระ” เพื่อหาที่ชำระค่าไฟฟ้าได้ที่ใกล้ตัวเราที่สุด โดยแอพ MEA Smart Life จะแสดงสถานที่ชำระเงินมาให้คุณดู สามารถเปลี่ยนรูปแบบเป็นดูแบบแผนที่ดังรูปข้างบนนี้
app-mea-smart-life-06หรือจะดูแบบภาพเสมือนจริง ด้วยเทคโนโลยี Augmented Reality (AR) เพื่อทราบตำแหน่งสถานที่ชำระเงินในระดับสายตาเราได้ด้วยค่ะ

 ตรวจสอบพื้นที่ประกาศดับไฟฟ้า

ในบางครั้ง ทางการไฟฟ้านครหลวงมีความจำเป็นจะดับไฟในบางพื้นที่ เพื่อปรับปรุงระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้าให้เพียงพอกับความต้องการและให้เกิดประสิทธิภาพในการจำหน่ายกระแสไฟฟ้านะคะ เราก็สามารถทราบพื้นที่ในการงดจ่ายกระแสไฟฟ้าได้ล่วงหน้าง่ายๆ ผ่านทางแอพ MEA Smart Life
app-mea-smart-life-07หากแตะที่ “ประกาศดับไฟ” เราจะทราบล่วงหน้าว่าพื้นที่ไหนจะไม่มีไฟฟ้าใช้หรือประกาศดับไฟเพื่อปรับปรุงระบบไฟฟ้าบ้าง เริ่มกี่โมงถึงกี่โมง พร้อมปรากฎแสดงแผนที่ พร้อมปักหมุดจุดสถานที่ที่การไฟฟ้านครหลวงประกาศดับไฟ ถือว่าเป็นประโยชน์มากๆนะคะ เพราะบางครั้งเราก็ไม่ทราบล่วงหน้าว่ามีการประกาศดับไฟในพื้นที่ที่เราอยู่อาศัยหรือเปล่า มาทราบอีกที ก็เป็นตอนที่ไม่มีไฟฟ้าใช้ซะแล้ว อาจเพราะไม่ได้ติดตามข่าวจากสื่อต่างๆ แต่ด้วยเมนูนี้ ก็จะช่วยให้เราตรวจเช็คได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ในมือ จะได้วางแผนชีวิตได้ดีขึ้นค่ะ

ร่วมแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องหรืออุบติเหตุที่เกี่ยวข้องกับไฟฟ้า

app-mea-smart-life-08แอพ MEA Smart Life ไม่เพียงแค่ใช้สำหรับตรวจสอบค่าไฟฟ้า หาที่ชำระค่าไฟ หรือตรวจสอบประกาศดับไฟของการไฟฟ้านครหลวงเท่านั้น  หากเกิดเหตุไฟฟ้าขัดข้อง หรือมีอุบัติเหตุที่มีผลกระทบต่อผู้ใช้ไฟฟ้า สามารถเลือกเมนู “ แจ้งด้วยภาพ” เพื่อส่งภาพเหตุการณ์ไฟฟ้าขัดข้อง หรืออุบัติเหตุที่เกี่ยวกับไฟฟ้า โดยถ่ายภาพพร้อมพิมพ์ข้อความแล้วแตะ “ส่งข้อมูล”  แล้วข้อความและภาพนั้นๆ จะถูกส่งไปยัง กฟน. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ กฟน. รับทราบและดำเนินการแก้ไขปัญหาให้ทันที
จากที่เอิ้นได้ทดลองใช้แอป MEA Smart Life นี้แล้ว ก็คิดว่า แอปนี้น่าจะทำให้ชีวิตของเราง่าย สะดวกสบายขึ้น และยังคลายความกังวลเรื่องบิลค่าไฟฟ้า ประหยัดเวลาในการหาสถานที่ชำระค่าไฟ ช่วยลดการใช้กระดาษ  และยังสามารถทราบข่าวสารเกี่ยวกับการประกาศดับไฟได้ล่วงหน้า อีกทั้งยังแจ้งเหตุไฟฟ้าขัดข้องถึงการไฟฟ้านครหลวงได้ทันที เหมาะกับชีวิตยุค Mobile แบบทุกวันนี้ จริงๆค่ะ

credit : it24hrs.com


วันพุธที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2557

พิชิตเป้าหมายให้สำเร็จ พลิกชีวิตให้ดีขึ้น ผ่านแอพ Make THE Difference

Make-The-Difference-App-01
หากคุณคิดอยากจะทำอะไรสักอย่าง แต่ทำไม่สำเร็จสักที อยากจะได้กำลังใจ อยากจะมีแรงฮึด ในยามที่ท้อแท้ หมดหวัง และในระหว่างทางที่เดินไปถึงเป้าหมายที่วางไว้ อยากจะมีใครสักคนที่รับฟังเสียงบ่นยามท้อแท้ของคุณ แล้วให้กำลังใจ จนคุณทำสำเร็จ และยังสามารถกลายเป็นการแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้….
ในยุค Social Network และ Mobile แบบนี้ นอกจากการใช้ Social Network ในการสื่อสาร พูดคุยกันแล้ว เรายังสามารถใช้ Social Network และแอพพลิเคชั่น เป็นเครื่องมือช่วยให้คุณเดินไปสู่เป้าหมายที่คุณคาดหวังไว้ และประสบความสำเร็จได้! แถมยังอาจกลายเป็นแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นได้อีกด้วย
เครื่องมือที่ว่านี้ก็คือ “Make THE Difference” SOCIETY ที่เป็นชุมชนออนไลน์ ซึ่งเปิดโอกาสให้ทุกคน เข้ามาตั้งเป้าหมายหลัก เป้าหมายย่อย เช็กอินเป้าหมายเป็นระยะ ให้เราได้สำรวจตัวเราเองในระหว่างทางเพื่อเดินไปสู่เป้าหมายได้อย่างเป็นระบบ (เพราะจากการสำรวจพบว่า หากไม่มีการตั้งเป้าหมายย่อยเป็นระยะ การจะไปสู่เป้าหมายหลักนั้นก็จะยากขึ้น) มีการสะสมแต้มคะแนน ให้กำลังใจ (Cheer) คอมเมนต์คนอื่น หรือติดตามคนที่เราชื่นชอบได้
และต้องยอมรับว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ที่เราจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จโดยขาดกำลังใจ แต่เพื่อนๆบนชุมชนออนไลน์ Make THE Difference SOCIETY ช่วยคุณได้ ทั้งการให้คำแนะนำ คอมเมนต์ ให้กำลังใจ และแบ่งปัน (แชร์) เป้าหมายที่น่าสนใจ รวมไปถึงการตั้งเป้าหมายเดียวกัน และตั้งเป้าหมายร่วมกัน และในระหว่างทางก็ช่วยเหลือกัน ดูแลกัน ให้กำลังใจกันตลอดจนประสบความสำเร็จไปถึงตามเป้าหมายที่วางไว้
Make THE Difference SOCIETY บนแอพ กำลังใจแบบพกพา สำหรับคนโซเชียล
นอกจากชุมชนออนไลน์บนเว็บไซต์ www.makethedifference.org แล้ว ยังมีทางเลือกสำหรับชาวโซเชียล คนยุคโมบายล์ ที่ใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต ก็สามารถดาวน์โหลดแอพ Make THE Difference ไปติดตั้งบน iOS และ Android เป็นเครื่องมือในการสร้างเป้าหมาย และช่วยให้คุณเดินไปถึงเป้าหมายนั้นได้ ในแบบโมบายล์ สามารถติดตามความคืบหน้าในการทำให้สำเร็จตามเป้าหมาย Follow คนที่เราสนใจ หรือมีเป้าหมายแบบเดียวกันกับเรา ให้กำลังใจ แสดงความคิดเห็น สร้างแรงบันดาลใจ ให้คำแนะนำซึ่งกันและกัน เพื่อให้เป้าหมายนั้นประสบความสำเร็จได้
ฟังก์ชั่นที่น่าสนใจบนแอพ Make THE Difference
หน้าตาแอพ ได้รับการออกแบบให้ใช้งานง่าย เข้าใจง่าย หลักการใช้งานเหมือนกับแอพ Social Network ปกติ คือสามารถ Follow / Cheer (ให้กำลังใจ) / Comment เหมือนกับแอพที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ซึ่งในแต่ละกิจกรรม เราก็จะได้รับคะแนนสะสมอีกด้วย ซึ่ง คุณสมบัติที่น่าสนใจมีดังนี้
Make-The-Difference-App-02
1. เริ่มต้นเปลี่ยน ตั้งเป้าหมาย แล้วไปให้ถึง 
ตามสถิติที่ผ่านมา คนที่ตั้งเป้าหมายและทำเป็นลายลักษณ์อักษร มักจะทำได้สำเร็จ มากกว่าคนที่แค่คิดว่าจะเปลี่ยนแปลง โดยคุณเองก็สามารถตั้งเป้าหมายที่และเช็คอินเป้าหมายของคุณได้
Make-The-Difference-App-04
โดยคุณสามารถสร้างเป้าหมายได้ง่ายๆ เพียงกดเครื่องหมายบวกตรงกลาง  (หมายเลข 1) เลือกไปที่ Create Goal (หมายเลข 2) ใส่เป้าหมาย รายละเอียดของเป้าหมาย ใส่ภาพ หรือลิงค์วิดีโอ และระบุวันสิ้นสุดเป้าหมาย (หมายเลข 3) เพื่อทำให้เป้าหมายของคุณไม่เลื่อนลอย นอกจากนี้คุณสามารถใส่เป้าหมายย่อยๆ เพื่อให้คุณไปถึงเป้าหมายให้เป็นจริงได้ง่ายขึ้น ขอย้ำว่าคุณควรใส่เป้าหมายย่อยให้ละเอียดมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เพื่อเวลาคุณทำการเปลี่ยนแปลงทีละนิด คุณก็สามารถเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและเช็คอินมันได้ (หมายเลข 4)
2. เช็กอินเป้าหมาย (Check-in goal)
Make-The-Difference-App-05

หากเราสร้างเป้าหมายเอาไว้ เราก็สามารถเข้ามาอัพเดตว่า เราเดินไปถึงจุดไหนของเป้าหมายแล้ว สุดยอด ดี หรือควรปรับปรุง เพื่อให้เรามีกำลังใจในการทำตามเป้าหมายที่วางไว้ต่อไป
การเช็กอินเป้าหมาย เป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะเป็นการสร้างแรงจูงใจ สร้างกำลังใจ ให้เราขยับตัวทำให้สำเร็จตามเป้าหมายที่วางไว้ ไม่ท้อ ไม่ถอย กับอุปสรรคต่างๆที่ผ่านเข้ามา เชื่อว่าการเช็กอินเป้าหมาย จะทำให้เป้าหมายของเราเดินหน้าไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายกว่าการตั้งเป้าหมายแล้วไม่มีการเช็กอินว่าไปถึงจุดไหนของเป้าหมาย ทำให้เรารู้ว่าต้องปรับปรุงอะไร ต้องพัฒนาอะไรอีกบ้าง และเพื่อนๆ ที่ติดตามคุณก็สามารถเข้ามาให้กำลังใจกับเป้าหมายที่คุณกำลังทำอยู่ได้
Make-The-Difference-App-06
นอกจากนี้ คุณสามารถ อ่าน / ติดตาม แรงบันดาลใจ ของคนอื่นๆ เพื่อนที่เราติดตาม (Follow) กันได้ ให้กำลังใจ (Cheer)และแสดงความคิดเห็นได้เหมือน Social Network ทั่วไป หรือหากยังไม่รู้ว่าจะ Follow ใคร ก็ติดตามจากประเภทของกิจกรรมที่เราสนใจ เช่น กีฬา สุขภาพ การศึกษา การท่องเที่ยว เป็นต้น ลองติดตามคนที่มีเป้าหมายเหมือนกับคุณ ไม่แน่คุณอาจจะได้เพือนใหม่และรวมตัวกันตั้งเป้าหมายกลุ่มร่วมกันก็เป็นได้ 
3. สร้างแรงบันดาลใจ
Make-The-Difference-App-03

เวลาที่เราจะทำอะไรสักอย่าง จะมีอะไรสักอย่างที่เป็นแรงบันดาลใจสะกิดให้เราเริ่มต้น คุณสามารถ สร้างแรงบันดาลใจได้ โดยกด เครื่องหมาย + ตรงกลาง (หมายเลข 1) แล้วเลือก “Create Inspiration” (หมายเลข 2) จากนั้นใส่บทความ ภาพ หรือแม้แต่ลิงค์ VDO ที่คุณคิดว่าสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้เพื่อนๆ หรือคนที่ติดตามคุณอยู่ สามารถมองเห็นวิธีหรือผลที่ได้รับจากการเปลี่ยนแปลงให้ตัวเองหรือสังคมดีขึ้น (หมายเลข 3) เพียงเท่านี้ บทความของคุณอาจจะเป็นหนึ่งในบทความที่ช่วยเปลี่ยนสร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรอบข้าง
4. Notification
Make-The-Difference-App-09

เช่นเดียวกับ Social Network อื่นๆ หากมีใครติดตาม ใครให้กำลังใจ (Cheer) แสดงความคิดเห็นกับเป้าหมายและแรงบันดาลใจของเรา ก็จะมีการแจ้งเตือน ทำให้เรามีปฏิสัมพันธ์ ได้เพื่อนใหม่ๆที่มีเป้าหมายเดียวกัน จนนำไปสู่การตั้งเป้าหมายร่วมกันได้ 

Make-The-Difference-App-08

นอกจากนี้ ในหน้าโปรไฟล์ จะแสดงข้อมูลการสร้างแรงบันดาลใจ การกำหนดเป้าหมาย และการสร้าง Team Goal ที่เราได้สร้างไว้ แสดงจำนวน Followings / Followers ของเรา / การผูกกับ instagram และ Level ระดับการสะสมคะแนน 
Make-The-Difference-App-07
และที่สำคัญในทุกๆ กิจกรรม ไม่ว่าจะเป็น การตั้งเป้าหมาย / สร้างแรงบันดาลใจ / เชียร์ / แชร์ / Comments คนอื่นก็ตาม คุณก็จะได้คะแนนสะสม เงื่อนไขในการสะสมคะแนน เมื่อสะสมคะแนนถึงระดับ point ที่กำหนด ก็จะมี badge ให้เราสะสม เพราะความสนุกของ Social Network “Make THE Difference” คือการเก็บคะแนน ซึ่งจะมีการนำไปร่วมบริจาคกับโครงการเพื่อช่วยเปลี่ยนสังคมให้ดีขึ้นในอนาคต
ช่วงนี้ทาง Make THE Difference กำลังมีแคมเปญดีๆ เพื่อสังคม โดยการเชิญชวนให้ทุกคนมาร่วมกันส่งภาพปัญหาต่างๆ รอบตัว ที่คิดว่าควรได้รับการแก้ไข มารวมกันไว้ที่เดียวกันด้วย ซึ่งกระแสตอบรับกับแคมเปญนี้กำลังมาแรงเลยทีเดียว ลองเข้าไปร่วมกิจกรรมดีๆนี้กันได้ที่ https://makethedifference.org/invisibleTH
ใครที่กำลังท้อแท้ ขาดแรงบันดาลใจ ในการที่จะลุกขึ้นมาทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ หรือขาดคนให้กำลังใจ แอพนี้แหล่ะที่จะช่วยคุณได้ นอกจากจะสร้างเป้าหมายให้ตัวเองเดินไปสู่ความสำเร็จแล้ว ยังได้มีส่วนในการสร้างกำลังใจ แรงบันดาลใจ ให้กับผู้อื่นด้วย เพราะเราเชื่อว่า การเปลี่ยน ทำให้ชีวิตคุณดีขึ้น สามารถดาวน์โหลดแอพ Make THE Difference ได้แล้วที่ App Store และ Play Store

credit : http://www.it24hrs.com/

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2557

10 อันดับเทคโนโลยีด้านความปลอดภัยประจำปี 2014


gartner_logo
ยังคงวนเวียนอยู่กับ Gartner นะครับ บทความฉบับนี้เป็นการวิเคราะห์ของ Gartner บริษัทเพื่อการวิจัยและให้คำปรึกษาของประเทศสหรัฐอเมริกา ในเรื่องของเทคโนโลยีทางด้านความปลอดภัยของข้อมูลประจำปี 2014 มาดูกันเลยครับว่า 10 อันดับที่กล่าวนี้มีอะไรบ้าง
ภาพประกอบจาก http://www.information-age.com/
ภาพประกอบจาก http://www.information-age.com/

1. ตัวกลางที่ให้ความปลอดภัยในการเข้าถึงระบบคลาวด์

ตัวกลางนี้ติดตั้งอยู่ระหว่างระบบของลูกค้าและระบบคลาวด์ของผู้ให้บริการ เป็นได้ทั้งอุปกรณ์ที่ติดตั้งที่แคมปัส หรือติดตั้งอยู่ในระบบคลาวด์ก็ได้ ทำหน้าที่บริหารจัดการนโยบายรักษาความปลอดภัยสำหรับควบคุมการเข้าถึงระบบคลาวด์และทรัพยากรต่างๆบนระบบคลาวด์

2. การควบคุมการเข้าถึงที่ปรับตัวได้ (Adaptive Access Control)

เป็นตัวควบคุมการเข้าถึงตามบริบทสภาพแวดล้อม (Context-aware Access Control) คือ มีโปรไฟล์ในการตรวจสอบความเสี่ยงแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสถานการณ์ต่างๆ เช่น สถานที่, ประเภทของอุปกรณ์, ช่วงเวลา ส่งผลให้เราสามารถเลือกได้ว่า ณ สภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน สามารถอนุญาตให้ใช้งานหรือเข้าถึงข้อมูลแบบที่แตกต่างกันได้

3. Sandboxing

เนื่องจากระบบป้องกันภัยคุกคามในปัจจุบันอาจไม่เพียงพอต่อการตรวจจับภัยคุกคามสมัยใหม่ โซลูชันความปลอดภัยหลายแบบจึงมีการเพิ่มฟังก์ชันที่เรียกว่า Sandboxing ลงไปเพื่อทดสอบหรือรันไฟล์ต้องสงสัยบน VM เพื่อตรวจสอบดูว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นภัยคุกคามหรือไม่ โดยใช้วิธีเปรียบเทียบผลลัพธ์ที่ตรวจสอบได้จากระบบป้องกันภัยคุกคามบน VM กับผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นจากการทดลองรัน เช่น Process, พฤติกรรม, Registry และอื่นๆ

4. โซลูชันสำหรับตรวจจับและตอบสนองด้านความปลอดภัยบนเครื่องลูกข่าย

หรือที่เรียกว่าโซลูชัน EDR เป็นการป้องกันภัยคุกคามขั้นสูง (Advanced Threat) ที่เครื่องลูกข่าย ได้แก่ PC, เซิฟเวอร์, โน๊ตบุ๊ค หรือแท็บเล็ต ซึ่งมีศักยภาพสูงในการติดตาม, ตรวจจับ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ผิดปกติ โซลูชันนี้จะรวบรวมข้อมูลจากเครื่องลูกข่ายและระบบเครือข่ายทั้งหมดเพื่อวิเคราะห์สิ่งที่ผิดปกติหรือความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อที่จะได้ตรวจจับการโจมตี, ระบุต้นตอของปัญหา และรับมือกับภัยคุกคามที่เกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

5. การวิเคราะห์ข้อมูลความปลอดภัยแบบ Big Data

สืบเนื่องจากข้อ 4 แต่ขยายโซลูชันในการติดตามการใช้งาน, ตรวจจับ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ไปยังทุกส่วนของระบบ แล้ววิเคราะห์ข้อมูลทั้งหมดร่วมกัน Gartner ทำนายว่า ในปี 2020 ประมาณ 40% ของบริษัททั้งหมดทั่วโลกจะมีการสร้างคลังข้อมูลด้านความปลอดภัยสำหรับจัดเก็บและวิเคราะห์ข้อมูลการใช้งานระบบทั้งหมดเพื่อเรียนรู้พฤติกรรมการใช้งานของผู้ใช้ และตอบสนองต่อพฤติกรรมที่ผิดปกติหรือมีความเสี่ยงได้อย่างรวดเร็ว

6. ระบบป้องกันภัยคุกคามอัจฉริยะ (Threat Intelligence)

คือ ระบบที่มีการนำบริบทภายนอกหรือข้อมูลส่วนอื่นมาปรับใช้เพื่อช่วยเพิ่มความสามารถในการรักษาความปลอดภัย เช่น Repurtation Service ที่นำเสนอการจัดลำดับ “ความน่าเชื่อถือ” แบบไดนามิคและเรียลไทม์ ซึ่งถูกใช้เป็นปัจจัยช่วยในการตัดสินใจเรื่องความปลอดภัย ยกตัวอย่าง IP Reputation ที่ให้คะแนนความน่าเชื่อถือของหมายเลข IP ที่กำลังติดต่อด้วย เราสามารถนำคะแนนส่วนนี้มาช่วยตัดสินใจได้ว่า จะติดต่อสื่อสารกับหมายเลข IP ดังกล่าวหรือไม่ เป็นต้น

7. กลยุทธ์การคัดแยกและกักกัน

เป็นกลยุทธ์ทางเลือกใหม่ที่ช่วยในการป้องกันภัยคุกคาม แทนที่เราจะคอยตรวจจับและป้องกันสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้น เราจะทำการระบุทราฟฟิคหรือพฤติกรรมที่ปกติแทน คืออนุญาตให้ใช้งานได้ สิ่งอื่นที่ไม่รู้ หรือไม่ใช่สิ่งที่ปกติก็จะถูกคัดแยกหรือกักกันไว้ เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีผลกระทบเชิงลบใดๆต่อระบบเครือข่ายของเรา เช่น อุปกรณ์ที่ “Trust” สามารถเข้าถึงระบบเครือข่ายภายในได้ แต่อุปกรณ์ที่เข้ามาใช้ชั่วคราว (Guest) อาจถูกแยกไว้อีก VLAN หนึ่งซึ่งถูกจำกัดสิทธิ์และมีการตรวจสอบที่เข้มงวดเป็นพิเศษ เป็นต้น

8. ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Software-defined

เป็นระบบรักษาความปลอดภัยที่ไม่ขึ้นกับอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ ส่วนใหญ่ใช้สำหรับระบบที่ไม่มีหรือไม่สามารถใช้อุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในการรักษาความปลอดภัยได้ เช่น Virtualization หรือระบบคลาวด์ อย่างไรก็ตาม การมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Software-defined ไม่ได้หมายความว่าอุปกรณ์ฮาร์ดแวร์ในการรักษาความปลอดภัยกลายเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น เรียกว่าเป็นการออกแบบเพื่อให้เกิดความเหมาะสมต่อแต่ละสภาพแวดล้อมมากยิ่งขึ้น

9. Interactive Application Security Testing (IAST)

IAST คือ การทดสอบความปลอดภัยของแอพพลิเคชันที่รวมเทคนิคแบบ Static และ Dynamic เข้าด้วยกัน โดยมีจุดประสงค์เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการตรวจสอบช่องโหว่และยืนยันตำแหน่งที่มีปัญหาของโค้ดบนแอพพลิเคชัน

10. เกตเวย์, ตัวกลาง และไฟร์วอลล์ที่ใช้รับมือกับ Internet of Things

เนื่องจากในปัจจุบันที่ระบบคอมพิวเตอร์, เซ็นเซอร์, อุปกรณ์เคลื่อนที่ และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิคส์ทุกอย่างสามารถเชื่อมต่อ แลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้ผ่านอินเตอร์เน็ตโดยที่ไม่มีมนุษย์เข้ามาเกี่ยวข้อง ส่งผลให้แฮ็คเกอร์มีช่องทางในการโจมตีระบบต่างๆ หรือแพร่กระจายมัลแวร์มากขึ้นกว่าเดิม รวมทั้งเมื่อระบบใดระบบหนึ่งทำงานผิดปกติ ก็จะส่งผลกระทบเป็นทอดๆไปยังระบบอื่นๆด้วยเช่นกัน เราจึงจำเป็นต้องมีการปรับปรุงโซลูชันด้านความปลอดภัยให้พร้อมบริหารจัดการ ควบคุม และรับมือกับการเชื่อมต่อนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
credit : http://www.techtalkthai.com
บริการดูแลคอมพิวเตอร์ อที ดุแลระบบเครือข่าย บริการเช่าเครื่องถ่ายเอกสาร โรงพิมพ์ งานพิมพ์

6 สาเหตุสำคัญ ที่ควรตั้ง Time Server ใช้งานเองภายในองค์กร

Time Server หรือ Time Synchronization Appliance เป็นระบบหนึ่งที่มักจะถูกลืมในองค์กร เนื่องจากผู้บริหารหรือผู้ดูแลระบบหลายๆ ท่านกลับมองข้ามไปเพราะคิดว่าไม่สำคัญกับองค์กร แต่ในทุกวันนี้เมื่อมีการนำระบบ IT มาใช้งานในการทำธุรกิจมากขึ้น ระบบเครือข่ายมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น ระบบ Time Synchronization นี้จึงกลับมาได้รับความสำคัญและความสนใจอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเหตุผล 6 ประการดังนี้
wavify_timenx_unified_time_synchronization_appliance

1. ทำให้ Application มีเวลาตรงกัน

เป็นประเด็นที่เหมือนจะเล็กแต่ก็เป็นเรื่องใหญ่ เนื่องจากทุกวันนี้เรามีการใช้งานระบบซอฟต์แวร์ต่างๆ มากขึ้นในการทำธุรกิจ ทั้งในแบบ Web หรือแบบ Client-Server ก็ตาม ในบางครั้งการที่ทั้งเครื่อง Server และ Client มีเวลาไม่ตรงกันก็อาจสร้างปัญหาได้ เช่น ระบบออกใบเสร็จ กับระบบเบิกจ่ายมีเวลาไม่ตรงกัน ทำให้การตรวจสอบเป็นไปได้ยาก รวมถึงในบางกรณีที่ระบบเวลาในแต่ละเครื่องเกิดอาการรวน หรือถ่าน BIOS หมด และแสดงเวลาย้อนหลัง ทำให้ระบบ Application ในเครื่องนั้นๆ มีเวลาย้อนหลังไปหลายเดือนหรือหลายปี และสร้างความเสียหายให้แก่เวลาของระบบ Application นั้นๆ ได้ Time Server จึงเข้ามามีบทบาทในการทำให้เครื่อง Server และ Client ทั้งหมดมีเวลาตรงกัน เพื่อลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นจากกรณีเหล่านี้ได้

2. ทำให้อุปกรณ์เครือข่ายมีเวลาตรงกัน

wavify_timenx_time_synchronization_for_security
สำหรับการบริหารจัดการระบบเครือข่าย การตรวจสอบประสิทธิภาพการทำงานของเครือข่าย และการตรวจสอบข้อมูล Log ของเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในระบบเครือข่ายนั้น หากแต่ละระบบมีเวลาไม่ตรงกันแล้ว ก็ยากที่จะทำการตรวจสอบสิ่งต่างๆ ดังที่กล่าวมาแล้วได้ การให้อุปกรณ์เครือข่ายทั้งหมดไม่ว่าจะเป็น Firewall, Switch, SIEM, Proxy, Network Access Control หรือ BYOD ได้ทำการ Sync เวลาจาก Time Server เครื่องเดียวกันจึงเป็นทางออกหนึ่งของปัญหานี้ที่จะช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทำงานได้สะดวกยิ่งขึ้น

3. ทำให้เครื่องจักรในสายการผลิตมีเวลาตรงกัน

สำหรับสายการผลิตคงเป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าการทำให้เครื่องจักรทั้งหมดมีเวลาตรงกันถือเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เพราะการที่เครื่องจักรต่างๆ ในสายการผลิตจะทำงานร่วมกันได้นั้น ระบบเวลาจะต้องตรงกันทั้งหมดเพื่อให้ทำงานประสานกันได้ถูกต้อง รวมถึงระบบ ERP และ MRP ในสายการผลิตที่จะต้องมีการอ้างอิงเวลาแน่นอนอีกด้วย ดังนั้นระบบ Time Server ที่เหมาะสมกับสายการผลิตก็ควรจะต้องรองรับโปรโตคอลเวลาที่ครบถ้วนทั้ง SNTP, NTP และ PTP เพื่อให้ทำงานร่วมกับเครื่องจักรและซอฟต์แวร์ได้หลากหลายที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

4. ทำให้ระบบงานต่างๆ ในแต่ละสาขามีเวลาตรงกัน

wavify_timenx_branch_deployment
สำหรับหน่วยงานที่มีหลายสาขา การทำให้เวลาของแต่ละสาขาตรงกันนับเป็นพื้นฐานเริ่มต้นในการทำระบบ Centralized Management ของทุกๆ สิ่ง ไม่ว่าจะเป็น Network Management, Server Management, PC Management, Log Management, Compliance and Audit และยังได้แก้ปัญหาของ Application ต่างๆ ที่มีการใช้งานร่วมกันในหลายๆ สาขาอีกด้วย

5. ทำให้ระบบงานและนาฬิกาในอาคารมีเวลาตรงกัน

ในบางกรณีที่ระบบเวลาเป็นเรื่องสำคัญสำหรับการทำธุรกิจและทำงานทั่วไปด้วย อย่างเช่น โรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ที่ต้องมีนาฬิกาประจำห้องสำหรับกำกับการสอบเพื่อความโปร่งใส หรือโรงงานที่มีเวลาเข้าออกหรือจัดการสายการผลิตอย่างเป็นระเบียบ ก็จะมีความต้องการให้นาฬิกาทั้งหมดมีเวลาตรงกัน ซึ่งการนำระบบ Time Synchronization มาใช้ตอบสนองทั้งการปรับเวลาของระบบเครือข่าย และนาฬิกาภายในสถานที่ต่างๆ ให้ตรงกันก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย

6. มี Delay น้อยกว่าการ Sync เวลาจากระบบภายนอก และทำให้เวลาตรงกันมากขึ้น

wavify_timenx_diagram_01
สำหรับการ Sync เวลาจากระบบ Time Synchronization ภายนอกอย่างเช่นบริการ Public NTP นั้น จะมีประเด็นทางด้าน Delay ของระบบเครือข่ายภายนอกที่ไม่สามารถรับประกันได้ ทำให้อุปกรณ์เครือข่ายสองเครื่องที่ทำการ Sync เวลาจากบริการ Public NTP ในเวลาที่ใกล้เคียงกัน อาจได้เวลาไม่ตรงกัน หรือวันหนึ่งเมื่อระบบ Security ในเครือข่ายเราไป Block การเข้าถึง Public NTP เหล่านั้นโดยไม่รู้ตัว ก็อาจจะทำให้ระบบเวลาของอุปกรณ์เหล่านั้นมีปัญหาได้ทันที
ด้วยเหตุผล 6 ข้อนี้เอง ทำให้ทุกวันนี้การติดตั้งระบบ Time Synchronization เพื่อใช้งานเองภายในองค์กรได้กลายเป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย โดยเน้นหนักไปที่การติดตั้ง Time Synchronization Appliance ที่มาพร้อมกับเสา GPS เพื่อให้ความแม่นยำของเวลาที่ได้รับอยู่ที่ระดับของ Stratum-1 ซึ่งถือว่าเป็นระดับสูงสุดที่เพียงพอต่อการใช้งานภายในองค์กร
สำหรับผู้ที่สนใจระบบ Time Synchronization Applicance และ Time Server สามารถติดต่อตัวแทนจำหน่ายได้เลยนะครับ